ตำนานฟุตบอลไทย: เฉลิมฉลองผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยวัฒนธรรมและประเพณีได้ทิ้งร่องรอยไว้ในโลกฟุตบอลตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ผู้เลี้ยงบอลที่เก่งกาจไปจนถึงกองหลังที่น่าเกรงขาม ประเทศไทยได้ผลิตนักฟุตบอลที่มีพรสวรรค์มากมายที่ลงเล่นในสนามทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในขณะที่เราเจาะลึกประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย เราจะร่วมแสดงความเคารพต่อผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของประเทศ ซึ่งทักษะ ความหลงใหล และความทุ่มเทเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นต่อรุ่น เกียรติสุข “ซิโก้” เสนาเมือง บุคคลที่โดดเด่นที่สุดในฟุตบอลไทย เกียรติสุข เสนาเมือง หรือที่รู้จักกันในนาม “ซิโก้” คือตำนานที่แท้จริงของเกมนี้ ด้วยอาชีพอันโด่งดังที่กินเวลากว่าสองทศวรรษ ซิโก้สร้างชื่อให้กับตัวเองในฐานะผู้ทำประตูที่อุดมสมบูรณ์และเป็นกองหน้าที่มีพลัง ครองสถิติยิงประตูให้ทีมชาติไทยมากที่สุดด้วยผลงานกว่า 70 ประตูในการแข่งขันระดับนานาชาติ ความเป็นผู้นำของซิโก้ทั้งในและนอกสนามทำให้เขาได้รับความชื่นชมและความเคารพจากแฟนๆ ทั่วโลก ปิยะพงศ์ ผิวอ่อน ปิยะพงศ์ ผิวอ่อน ซึ่งได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกฟุตบอลไทย ได้สร้างประวัติศาสตร์อันยาวนานให้กับวงการฟุตบอลไทยในช่วงทศวรรษปี 1980 และ 1990 ปิยะพงศ์เป็นกองหน้ามากทักษะที่มีความสามารถทางเทคนิคโดดเด่น สะกดผู้ชมด้วยความคล่องตัวและความสามารถในการทำประตู เขามีบทบาทสำคัญในความสำเร็จของประเทศไทยในการแข่งขันระดับภูมิภาค โดยช่วยให้ทีมชาติคว้าชัยชนะหลายครั้งในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน เกียรติประวุฒิ สายแวว เกียรติประวุฒิ สายแวว หรือที่รู้จักกันในนาม “เบิร์ด” ได้รับการยกย่องจากผลงานที่โดดเด่นในวงการฟุตบอลไทยในฐานะกองกลางสารพัดประโยชน์ เบิร์ดเป็นที่รู้จักจากวิสัยทัศน์ การจ่ายบอลที่แม่นยำ และการทำงานที่ไม่เหน็ดเหนื่อย เบิร์ดคือหัวใจของสโมสรไทยและทีมชาติมากมาย ความสามารถของเขาในการควบคุมจังหวะของเกมและควบคุมการเล่นจากตำแหน่งกองกลางทำให้เขาเป็นทรัพย์สินที่สำคัญของทุกทีมที่เขาเป็นตัวแทน สุเชาว์…

พรสวรรค์ชาวไทยสร้างกระแส: การเติบโตของนักฟุตบอลไทยในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พรีเมียร์ลีกอังกฤษ (EPL) ได้เห็นความสามารถที่เพิ่มขึ้นจากทั่วโลก โดยมีผู้เล่นจากภูมิหลังที่หลากหลายมาแสดงทักษะของพวกเขาบนเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟุตบอลอังกฤษ แนวโน้มที่โดดเด่นและเกิดขึ้นประการหนึ่งคือการมีนักฟุตบอลไทยในลีกเพิ่มมากขึ้น เพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ให้กับการแข่งขัน ในบทความนี้ เราจะสำรวจการเดินทางของนักเตะไทยที่สร้างชื่อเสียงใน EPL โดยเน้นย้ำความสำเร็จ ความท้าทาย และผลกระทบที่พวกเขามีต่อฟุตบอลไทยและลีกเอง ผู้บุกเบิก นักฟุตบอลไทยคนแรกที่ประสบความสำเร็จใน EPL คือ ธีรเทพ วิโนทัย ซึ่งลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงสั้นๆ ในฤดูกาล 2549-2550 แม้ว่าการคุมทีมของเขาในลีกจะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของนักเตะไทยที่ก้าวเข้าสู่ลีกฟุตบอลที่มีการแข่งขันสูงที่สุดลีกหนึ่งของโลก ผู้ปูทาง – ชนาธิป สรงกระสินธ์ ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วในปัจจุบันและผู้ถือคบเพลิงของฟุตบอลไทยใน EPL ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ชนาธิป สรงกระสินธ์ ชนาธิป หรือที่รู้จักกันในนาม “เจ” กลายเป็นบุคคลสำคัญของสโมสร กลายเป็นนักเตะไทยคนแรกที่สร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในลีก ชนาธิปกำลังค้าแข้งกับวูล์ฟแฮมป์ตัน โดยเอาชนะความแตกต่างทางวัฒนธรรม อุปสรรคทางภาษา และความเข้มข้นของฟุตบอลอังกฤษ เพื่อสร้างตัวเองให้เป็นกองกลางที่มีพลัง ทักษะการควบคุมบอล วิสัยทัศน์ และไหวพริบของชนาธิปทำให้เขามีแฟนบอลติดตามทั้งในประเทศไทยและในหมู่ผู้ชื่นชอบ EPL ความสามารถของเขาในการปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติของลีกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว…

ชัยชนะอันรุ่งโรจน์ของประเทศไทยใน AFF Suzuki Cup 2016

ด้วยการแสดงทักษะ ความมุ่งมั่น และน้ำใจนักกีฬาอย่างแท้จริง ทีมฟุตบอลชาติไทยได้รับชัยชนะในการแข่งขันเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ซึ่งครองใจผู้คนนับล้านทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อเสียงนกหวีดยาวดังขึ้นในคืนเดือนธันวาคมอันน่าตื่นเต้น ผู้เล่น โค้ช และแฟนบอลชาวไทยต่างชื่นชมยินดีร่วมกัน เฉลิมฉลองชัยชนะที่ไม่เพียงแต่เป็นความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ด้านกีฬาเท่านั้น แต่ยังเป็นข้อพิสูจน์ถึงจิตวิญญาณอันแน่วแน่ของฟุตบอลไทยอีกด้วย การเดินทางเริ่มต้นขึ้น การเดินทางของ AFF Suzuki Cup 2016 ถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับทีมชาติไทย ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของทัวร์นาเมนต์ พวกเขาได้แสดงความกล้าหาญในสนาม ดึงดูดผู้ชมด้วยการเล่นเกมที่ลื่นไหลและการทำงานเป็นทีมที่ไร้ที่ติ ภายใต้การแนะนำของโค้ชผู้มากความสามารถ เกียรติสุข “ซิโก้” เสนาเมือง ทีมได้เริ่มต้นภารกิจในการทวงคืนถ้วยรางวัลอันเป็นที่ปรารถนา ซึ่งเป็นความสำเร็จที่พวกเขาเคยทำสำเร็จครั้งล่าสุดในปี 2014 การครอบงำรอบแบ่งกลุ่ม แคมเปญของไทยเริ่มต้นด้วยการแสดงความเหนือกว่าในรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขากวาดล้างการแข่งขัน เอาชนะคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามด้วยความเฉียบแหลมและไหวพริบ ความสามารถของพวกเขาในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในเกมที่แตกต่างกันและใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของคู่แข่งกลายเป็นที่ประจักษ์ชัด ซึ่งเป็นการปูทางสำหรับทัวร์นาเมนต์ที่น่าทึ่งสำหรับ War Elephants การประลองรอบรองชนะเลิศ การปะทะรอบรองชนะเลิศกับคู่แข่งอย่างเมียนมาร์ถือเป็นบททดสอบความกล้าหาญของทีมไทยอย่างแท้จริง การแข่งขันเต็มไปด้วยแอ็คชั่นออกเทนสูง ขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้ฟันธงและตะปูเพื่อเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ในการเผชิญหน้าอันดุเดือด ประเทศไทยได้รับชัยชนะด้วยการผสมผสานระหว่างความฉลาดทางกลยุทธ์และความฉลาดส่วนบุคคลจากผู้เล่นคนสำคัญ ชัยชนะไม่เพียงแต่ผลักดันพวกเขาเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ แต่ยังส่งข้อความที่ดังก้องไปยังคู่ต่อสู้ของพวกเขาด้วย: ประเทศไทยเป็นพลังที่ต้องคำนึงถึง รอบชิงชนะเลิศอันรุ่งโรจน์ รอบชิงชนะเลิศที่เล่นกับอินโดนีเซีย…

การกลับมาของทีมชาติไทย: วิเคราะห์อนาคตในฟุตบอลโลก 2026

การแนะนำ ในขณะที่โลกต่างตั้งตารอการมาถึงของฟุตบอลโลก 2026 อย่างใจจดใจจ่อ ภูมิทัศน์ของฟุตบอลก็พร้อมที่จะเป็นสักขีพยานให้กับทีมต่างๆ ที่ต่อสู้เพื่ออำนาจสูงสุดในเวทีระดับโลก ในบรรดาผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้ ทีมฟุตบอลชาติไทยพร้อมที่จะยื่นข้อเสนอเพื่อชิงตำแหน่งในการแข่งขันอันทรงเกียรตินี้ ด้วยมรดกทางวัฒนธรรมอันยาวนานและฐานแฟนบอลที่หลงใหล ประเทศไทยได้ค่อยๆ กำหนดเอกลักษณ์ของฟุตบอลและปรับปรุงผลงานในสนามแข่งระดับนานาชาติ ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกโอกาสของไทยในฟุตบอลโลก 2026 โดยสำรวจปัจจัยที่อาจส่งผลต่อความสำเร็จและความท้าทายที่อาจเผชิญ วัฒนธรรมฟุตบอลที่เพิ่มขึ้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงไปสู่ประเทศที่มีวัฒนธรรมฟุตบอลที่เฟื่องฟู ความนิยมของกีฬาดังกล่าวพุ่งสูงขึ้น โดยลีกท้องถิ่นกำลังได้รับความสนใจ และฟุตบอลกลายเป็นความหลงใหลร่วมกันในหมู่คนไทยทุกวัย การเกิดขึ้นของนักเตะที่มีพรสวรรค์ในท้องถิ่นได้ช่วยส่งเสริมโอกาสในการเล่นฟุตบอลของประเทศ เนื่องจากผู้เล่นรุ่นเยาว์ได้รับโอกาสในการฝึกฝนและการพัฒนาที่ดีขึ้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สโมสรฟุตบอลไทยได้เริ่มปรากฏตัวในการแข่งขันระดับภูมิภาค โดยแสดงให้เห็นถึงความสามารถและศักยภาพของประเทศ วัฒนธรรมฟุตบอลที่กำลังเติบโตนี้ได้วางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับความปรารถนาของประเทศไทยในการผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลกปี 2026 การพัฒนายุทธวิธี การจะประสบความสำเร็จในระดับฟุตบอลโลก ความสามารถด้านแท็กติกและการปรับตัวเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ทีมชาติไทยมีความก้าวหน้าในด้านนี้ โดยเน้นที่การรับรู้แทคติกและการทำงานเป็นทีมที่เหนียวแน่นมากขึ้น การเปิดรับในระดับนานาชาติผ่านแมตช์กระชับมิตรและการมีส่วนร่วมในทัวร์นาเมนต์ทำให้ทีมได้ทดสอบความกล้าหาญกับสไตล์การเล่นที่หลากหลาย ภายใต้การแนะนำของเจ้าหน้าที่ฝึกสอนที่มีประสบการณ์ ทีมไทยได้ปรับกลยุทธ์และรูปแบบการเล่นอย่างละเอียด โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสมดุลระหว่างเกมรุกและเกมรับ การใช้แนวทางยุทธวิธีที่เหนียวแน่นจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประเทศไทยในการรับมือกับความท้าทายที่เกิดจากคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามในฟุตบอลโลก ผู้เล่นคนสำคัญและพรสวรรค์ที่กำลังมาแรง ทุกแคมเปญฟุตบอลโลกที่ประสบความสำเร็จต้องอาศัยผู้เล่นที่โดดเด่นซึ่งสามารถพลิกสถานการณ์ในช่วงเวลาวิกฤติได้ ประเทศไทยได้เห็นการปรากฏตัวของผู้มีความสามารถที่มีศักยภาพซึ่งสามารถเป็นปัจจัย X ในการเสนอราคาสำหรับทัวร์นาเมนต์ปี 2026 การพัฒนาทีมที่แข็งแกร่ง เสริมด้วยผู้เล่นมากประสบการณ์และเด็กอัจฉริยะสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นส่วนสำคัญ เพื่อฉายแววบนเวทีระดับโลก ประเทศไทยจะต้องควบคุมศักยภาพของผู้เล่นที่สามารถสร้างโอกาสและแสดงให้เห็นถึงทักษะที่ยอดเยี่ยม ฝ่ายบริหารของทีมจะต้องสร้างสมดุลระหว่างการส่งทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์และการดูแลศักยภาพของผู้มีความสามารถรุ่นเยาว์ ความท้าทายบนเส้นทาง…

ท็อป 5 ตัวเต็งแชมป์ไทยลีก ฤดูกาล 2023

เมื่อไทยพรีเมียร์ลีกเข้าสู่ฤดูกาล 2023 แฟนฟุตบอลทั่วประเทศต่างตั้งตารอการต่อสู้เพื่อชิงแชมป์อย่างตื่นเต้น ลีกดังกล่าวได้รับความนิยมและความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดึงดูดผู้มีความสามารถระดับสูงจากทั้งในและต่างประเทศ ฤดูกาลใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว มาดูกันดีกว่าว่า 5 แข้งชั้นนำที่แย่งชิงตำแหน่งแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2023 เป็นอย่างไรกันบ้าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นจ่าฝูงของไทยพรีเมียร์ลีกมาหลายปี โดยจบอันดับใกล้เป็นจ่าฝูงของตารางอย่างต่อเนื่อง ด้วยทีมที่แข็งแกร่ง สต๊าฟฟ์โค้ชที่มีทักษะ และฐานแฟนบอลที่เหนียวแน่น พวกเขาจึงเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามเสมอ ภายใต้การนำของหัวหน้าโค้ช ทีมเน้นรูปแบบการเล่นที่มีพลังและเกมรุก ทำให้พวกเขามีความสุขที่ได้ดูในสนาม ผู้เล่นที่ช่ำชองและมีพรสวรรค์ของพวกเขา บวกกับการสนับสนุนที่ไม่เปลี่ยนแปลงของแฟนๆ ทำให้บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นทีมเต็งที่จะคว้าแชมป์ในฤดูกาล 2023 เมืองทอง ยูไนเต็ด อีกหนึ่งมหาอำนาจในวงการฟุตบอลไทย มีประวัติความสำเร็จมากมายในลีก พวกเขามีประวัติที่น่าประทับใจและท้าทายอย่างต่อเนื่องเพื่อจุดสูงสุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยการมุ่งเน้นอย่างมากในการพัฒนาเยาวชนและการบ่มเพาะพรสวรรค์ในท้องถิ่น พวกเขามีทีมที่สมดุลด้วยการผสมผสานของทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์และโอกาสที่น่าตื่นเต้นของเยาวชน ความยืดหยุ่นทางแท็คติกของทีมและความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับคู่ต่อสู้ที่แตกต่างกันทำให้พวกเขาเป็นคู่แข่งที่แท้จริงสำหรับตำแหน่งแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกในปี 2023 เชียงราย ยูไนเต็ด เป็นขุมกำลังที่เพิ่มขึ้นในฤดูกาลที่ผ่านมา สร้างชื่อเสียงทั้งในเวทีในประเทศและระดับทวีป ความสำเร็จของพวกเขาในการคว้าแชมป์เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2019 ได้ยกระดับสถานะของพวกเขาในฟุตบอลเอเชีย และพวกเขายังคงสานต่อความสำเร็จดังกล่าว เชียงราย ยูไนเต็ด สามารถทำลายคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดได้ด้วยการจัดเกมรับและเกมรุกที่เป็นระบบอย่างดี ความปรารถนาของพวกเขาที่จะทำซ้ำความสำเร็จในอดีตและจิตวิญญาณของทีมที่แข็งแกร่งทำให้พวกเขาเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อแรงบันดาลใจของผู้เข้าแข่งขัน แบงค็อก…

ในวันที่ “ช้างศึก” เต็มไปด้วยแข้งดาวรุ่งชั้นยอด

ถึงแม้เริ่มต้นปี 2020 ในวงการฟุตบอลไทยอาจจะต้องเฉาไปตาม ๆ กันด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคโคโรน่าไว้รัส โควิด-19 ที่แพร่ระบาดรุกรามไปทำให้เกิดผลกระทบไปหลายต่อหลายวงการรวมถึงฟุตบอลก็ด้วยเช่นกัน หลังเล่นไปได้เพียงแค่ 4 นัด ก็ต้องถูกสั่งหยุดชั่วคราวเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสไปมากกว่านี้ แต่ใน 4 นัดนี้แฟนบอลคงจะได้เห็นเมล็ดพันธ์ใหม่ ๆ ของนักเตะดาวรุ่งทีมชาติไทยที่เริ่มงอกเงยขึ้นมาใหม่อีก ซึ่งเมล็ดพันธ์เหล่านี้จะกลายเป็นฐานสำคัญให้แก่ทัพช้างศึกในอนาคตแน่นอน โดยที่จะกล่าวถึงนั้นเป็นนักเตะดาวรุ่งที่ทำผลงานได้ดี และเพิ่งจะก้าวขึ้นมามีชื่อให้ได้ยินกันบ่อยขึ้นในฤดูกาลนี้ ซึ่งคงจะไม่นับ นักเตะดาวรุ่งที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว เช่น สุภโชค สารชาติ, ศุภณัฐ เหมือนตา, เอกนิษฐ์ ปัญญา, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ และอีกหลายคนที่เป็นที่รู้จักดีอยู่แล้ว โดยคนแรกที่จะกล่าวถึง คือ 1. “กนกพล ปุษปาคม” มิดฟิลด์ตัวรับ วัย 20 ปี บุตรชายของ “โค้ชแต๊ก” อรรถพล ปุษบาคม อดีตตำนานนักเตะและโค้ชที่ยิ่งใหญ่ ผู้ล่วงลับ โดย “บอส” กนกพล ได้กลายเป็นดาวรุ่งที่ฟอร์มน่าจับตามองเป็นอย่างมากหลังยึดตำแหน่งตัวจริงภายในทีม…

“ออมสิน เนชั่นลีก” ทางเลือกใหม่ทีมรากหญ้า

หลังจากที่ลีกฟุตบอลไทยทุกระดับทุกสั่งระงับไปจากสถานการไวรัสโคโรน่า ระบาดในประเทศไทยจนหลายสโมรสรเกิดภาวะวิกฤติ โดยเฉพาะทีมระดับล่างทั้งไทยลีก 3 และ 4 ที่ขาดรายได้เข้าสโมสร ทำให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยต้องหาทางออกในการแก้วิกฤตินี้ โดยผลที่ออมากคือการถือกำเนิดของฟุตบอลรายการ “ออมสิน เนชั่นลีก” ที่รวมเอาทีมระดับฟุตบอลไทยลีก 3 และ4 เขามารวมกันเป็นฟุตบอลรายการเดียว จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารย์กันไปต่าง ๆ นานา แต่จากความเห็นส่วนใหญ่ของบรรดาผู้บริหารสโมสรต่างยินดีและยอมรับเพื่อปรับตัวในภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นนี้ โดยโครงสร้างของการยุบเอาไทยลีก 3 และ 4 มารวมเข้ากันนั้น จัดให้มีลีกภูมิภาคทั้งหมด 6 โซน โซนละ 12-14ทีม ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของทีมแต่ละภูมิภาคที่มีอยู่  แต่ละโซนจะทำการแข่งขันแบบพบกันเอง มีทีมตกชั้นแต่ละโซน 1 ทีม จากนั้นจะนำแชมป์และรองแชมป์กลุ่มผ่านเข้าสู่รอบระดับประเทศหรือที่เราคุ้นหูกันในชื่อของรอบแชมป์เปี้ยนลีกส์ ซึ่งแชมป์จะมีสิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นสู่ไทยลีก 2 ทันที ส่วนรองแชมป์จะทำการเพลย์ออฟกันอีกครั้งเพื่อหาทีมสุดท้ายเพื่อเลื่อนชั้นต่อไป โครงสร้างจะคล้ายกับลีกภูมิภาคในสมัยก่อนซึ่งจะร่นระยะทางในการขึ้นสู่ไทยลีก 2 เร็วขึ้น สิ่งสำคัญคือ ทีมระดับล่างจะโดยเฉพาะทีมจากไทยลีก 3 ที่จะได้มีโอกาสผ่านเข้าสู่รอบแชมเปียนส์ลีกมากยิ่งขึ้นจากการกระจายระดับความเข้มข้นน้อยลงแต่ก็ไม่สามารถประมาททีมจากไทยลีก 4 ได้เช่นกัน ซึ่งแฟนบอลคงจะได้เห็นบรรยากาศความร้อนระอุเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนั้นการเดินทางก็ยังไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่ละสโมสรมากจนเกินไปเพราะแต่ละสโมสรจะถูกจัดโซนให้อยู่ใกล้เคียงกันทำให้เดินทางง่าย…

“ในวันที่กระต่ายแก้วกลับมายิ้มอีกครั้ง”

ช่วงนี้กระแสฟุตบอลไทยลีกคงจะต้องลดความระอุลงไปหลังต้องถูกสั่งหยุดพักเบรคหนีสถานการณ์ไวรัสโควิด และแน่นอนทีมฟอร์มดีหลาย ๆ ทีมในช่วงออกสตาร์ทคงจะเซ็งกันไปตาม ๆ กัน หนึ่งในนั้นคือ “บีจีปทุม ยูไนเต็ด” ทีมดังย่านรังสิตที่ช่วงเปิดฤดูกาลเก็บไปได้ถึง 10 แต้ม จาก 4 เกม จนถูกยกให้เป็นหนึ่งในตัวเต็งร่วมคั่วแชมป์ในฤดูกาลนี้แต่กว่าจะมาถึงตรงนี้หนึ่งขวบปีพวกเขาต้องอดทนพยายามดีดตัวเองกลับขึ้นมาบนสังเวียนไทยลีกหลังตกชั้นไป เราจะมาย้อนรอยความมุมานะของพวกเขาจนกลับมาเป็นทีมที่ใครก็ประมาทไม่ได้ในตอนนี้ สิ้นเสียงนกหวีดที่สนามลีโอสเตเดี้ยม บรรยากาศในตอนนั้นเต็มไปด้วยความสับสนของแฟนบอลหลังทีมพลาดท่าพลิกล็อกพ่ายให้กับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ซึ่งเพียงแค่ยันเสมอแต้มเดียวพวกเขาจะอยู่รอดบนลีกสูงสุดได้อย่างไม่ต้องพึ่งใคร แต่โชคชะตากลับเล่นตลก กล้องถ่ายสดจับไปยังบนแสตนด์เชียร์เหล่าผู้ชมกว่าหลายพันชีวิตโดยเฉพาะแฟนบีจีต่างเต็มไปด้วยน้ำตา แต่ถึงอย่างไรแฟนบอลต่างยังคงร้องเพลงเชียร์กึกก้องไปทั่วสนามลีโอสเตเดี้ยมและก้มหน้ายอมรับความจริง สิ่งสวยงามจากความเศร้านี้ คือ เรายังได้เห็นแฟนบอลให้สัญญากับทีมรักของพวกเขาว่าถึงจะต้องตกไปเล่นในลีกรองก็จะตามเชียร์อย่างสุดกำลัง เมื่อล้มแล้วต้องลุกบีจีเริ่มต้นฤดูกาล 2019 ด้วยการกลายเป็นน้องใหม่ในฟุตบอลไทยลีก 2 พวกเขาตัดสินใจปล่อย ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ออกจากทีมด้วยสัญญายืมตัวให้กับทีม โออิตะ ทรีนิตะ ทีมจากเจลีกญี่ปุ่นและเน้นใช้ขุมกำลังเดิมผสมกับตัวต่างชาติและดาวรุ่งที่มี ภายใต้การคุมทีมของ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน อดีตนักเตะทีมชาติไทย โดยพวกเขาเดินหน้าเก็บอย่างต่อเนื่องและขึ้นไปอยู่บนแท่นจ่าฝูงอย่างยาวนานและมาถึงนัดสำคัญพวกเขาเปิดบ้านไล่ถล่ม ลำปาง เอฟซี ไปถึง 7-1…

ธีรธร บุญมาทัน “สู่แบ็คซ้ายที่ดีที่สุดของเอเชีย”

ชั่วโมงนี้นักฟุตบอลไทยที่กำลังได้รับการยกย่องจากทั้งเอเชียคงจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก “อุ้ม” ธีรธร บุญมาทัน หลังเจ้าตัวกลายเป็นนักฟุตบอลสัญชาติไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ถาด “เจลีก ญี่ปุ่น” ได้ในปี 2019 ที่ผ่านมา กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการฟุตบอลไทยที่มีนักฟุตบอลไทยประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับ หลังจากที่มี ชนาธิป สงกระสินธิ์ เบิกทางสู่การค้าแข้งยังเจลีก ญี่ปุ่น และเป็นที่ยอมรับในฝีมือจนเป็นตัวจริงที่ทีมขาดไม่ได้ ฝีเท้าเป็นที่ประจักมาแล้วก่อนไปเจลีก ในสมัยก่อนที่ เจ้าอุ้ม ธีรธน บุญมาทัน จะได้ย้ายมาค้าแข้งในประเทศญี่ปุ่นนั้นทั่วทั้งเอเชียก็ได้ยินชื่อเขาอยู่แล้วว่าเป็นแบ็คซ้ายที่ฝีเท้ายอดเยี่ยม ในตอนที่ยังค้าแข้งอยู่กับ “ปราสาท สายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมที่ขัดเกลาให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่ครบเครื่องในทุก ๆ ด้านไปจนถึงระเบียบ วินัย เราคงจะได้เคยเห็นคลิปการเล่นของธีรธน กันอยู่บ่อยครั้งแต่ที่ทั้งทั่วเอเชียเห็นส่วนมากจะมาจากตอนที่เจ้าตัวลงเล่นในรายการ “เอเอฟซี แชมป์เปี้ยนลีก” ฟุตบอลระดับสโมสรเอเชีย ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีป เราคงจะเคยได้เห็นที่สมาคมฟุตบอลเอเอฟซี จัดอันดับลูกยิงสวยงามของแต่ละนัดโดยมักจะมีลูงยิงของแบ็คซ้ายชาวไทยรายนี้ติดอยู่เสมอ แต่ที่เป็นที่จดจำมาจาก 2 เกมที่เจ้าตัวผมกับทีม กัมบะ โอวซาก้า ทีมดังจากเจลีกญี่ปุ่น ในปี2015 โดยเกมแรกเป็นการออกไปเยือน ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและสภาพอากาศที่ไม่คุ้นชิ้นกับนักเตะไทยแน่ ๆ…

“ย้อนวันวานทีมดังไทยลีกที่หายไป”

ท่ามกลางวันเวลาที่หมุนไปของโลก วัฏจักร สิ่งต่าง ๆ ย่อมเกิดขึ้นใหม่และสูญสลายไป ไม่เว้นแม้แต่ในวงการกีฬาฟุตบอลและสำหรับวงการฟุตบอลไทยนั้นต่างมีทีมดังในอดีตมากมายที่เกิดขึ้นและโด่งดังดั่งดาวจรัสแสงไปจนถึงวันที่แสงสว่างดับลงที่หนีไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่าการ “ยุบทีม” ความเจ็บปวดนี้ไม่ได้หายไปเลยเสียทีเดียวแต่ยังทิ้งร่องรอยประวัติศาสตร์ไว้เราจะมาดูกันดีกว่าว่ามีทีมดังทีมไหนบ้างที่หายไปแล้วจากวงการฟุตบอลไทยของเรา จากความยิ่งใหญ่เหลือเพียงอดีต 1.สโมสร ซุปเปอร์พาวเวอร์ สมุทรปราการ หรือที่เรารู้จักกันในทีมเก่าแก่ที่ชื่อสโมรสร “โอสถสภา” ทีมในดวงใจของใครหลาย ๆ คนด้วยยูนิฟอร์มสีเหลืองอันคุ้นตา โดยพวกเขาเข้าร่วมบนเวทีลูกหนังไทยตั้งแต่ปี 1998 และกลายเป็นทีมที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่สิ่งที่สำคัญในการทำทีมคือเม็ดเงินมนการลงทุนกีฬากับธุรกิจดูแล้วคงจะเป็นของแสลง เมื่อกลุ่มทุนโอสถสภาถอนกำลังในการลงเม็ดเงินบริหารทีม ท้ายที่สุดแล้วในปี 2017 ทีมขาดกำลังในการเสริมทีมและตามสภาพที่มีพวกเขากัดฟันสู้แต่ไม่สำเร็จต้องตกชั้น และตัดสินใจยุบทีมในที่สุด สิ้นสุดตำนาน 19 ปีบนโลกลูกหนัง 2.อาร์มี่ ยูไนเต็ด หรือ สโมสร “กองทัพบก” ในอดีต ทีมดังเจ้าของฉายา “สุภาพบุรุษ กงจักร” เรื่องช็อคเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้หลังสิ้นสุดฤดูกาล 2018 พวกเขาไม่สามารถเลื่อนชั้นขึ้นสู่ไทยลีกตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้ในช่วงต้นฤดูกาลเสียงลือหนาหูว่าพวกเขาอาจจะแค่ย้ายสนามเดิมย่านวิภาวดีไปสู่จังหวัดสระบุรี แต่แล้วฟ้าก็ผ่าลงมากลางใจแฟนบอลเมื่อบอร์ดบริหารของทีมออกมาแถลงการยุบทีม หลังช่วงหลายปีที่ผ่านมาทีมไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ปิดตำนานความยาวนานของทีมถึง 103 ปี หลังก่อตั้งตั้งแต่ปี ค.ศ.1916 3.อินทรีย์ เพื่อนตำรวจ…