ท็อป 5 ตัวเต็งแชมป์ไทยลีก ฤดูกาล 2023

เมื่อไทยพรีเมียร์ลีกเข้าสู่ฤดูกาล 2023 แฟนฟุตบอลทั่วประเทศต่างตั้งตารอการต่อสู้เพื่อชิงแชมป์อย่างตื่นเต้น ลีกดังกล่าวได้รับความนิยมและความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดึงดูดผู้มีความสามารถระดับสูงจากทั้งในและต่างประเทศ ฤดูกาลใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว มาดูกันดีกว่าว่า 5 แข้งชั้นนำที่แย่งชิงตำแหน่งแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2023 เป็นอย่างไรกันบ้าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นจ่าฝูงของไทยพรีเมียร์ลีกมาหลายปี โดยจบอันดับใกล้เป็นจ่าฝูงของตารางอย่างต่อเนื่อง ด้วยทีมที่แข็งแกร่ง สต๊าฟฟ์โค้ชที่มีทักษะ และฐานแฟนบอลที่เหนียวแน่น พวกเขาจึงเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามเสมอ ภายใต้การนำของหัวหน้าโค้ช ทีมเน้นรูปแบบการเล่นที่มีพลังและเกมรุก ทำให้พวกเขามีความสุขที่ได้ดูในสนาม ผู้เล่นที่ช่ำชองและมีพรสวรรค์ของพวกเขา บวกกับการสนับสนุนที่ไม่เปลี่ยนแปลงของแฟนๆ ทำให้บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นทีมเต็งที่จะคว้าแชมป์ในฤดูกาล 2023 เมืองทอง ยูไนเต็ด อีกหนึ่งมหาอำนาจในวงการฟุตบอลไทย มีประวัติความสำเร็จมากมายในลีก พวกเขามีประวัติที่น่าประทับใจและท้าทายอย่างต่อเนื่องเพื่อจุดสูงสุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยการมุ่งเน้นอย่างมากในการพัฒนาเยาวชนและการบ่มเพาะพรสวรรค์ในท้องถิ่น พวกเขามีทีมที่สมดุลด้วยการผสมผสานของทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์และโอกาสที่น่าตื่นเต้นของเยาวชน ความยืดหยุ่นทางแท็คติกของทีมและความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับคู่ต่อสู้ที่แตกต่างกันทำให้พวกเขาเป็นคู่แข่งที่แท้จริงสำหรับตำแหน่งแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกในปี 2023 เชียงราย ยูไนเต็ด เป็นขุมกำลังที่เพิ่มขึ้นในฤดูกาลที่ผ่านมา สร้างชื่อเสียงทั้งในเวทีในประเทศและระดับทวีป ความสำเร็จของพวกเขาในการคว้าแชมป์เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2019 ได้ยกระดับสถานะของพวกเขาในฟุตบอลเอเชีย และพวกเขายังคงสานต่อความสำเร็จดังกล่าว เชียงราย ยูไนเต็ด สามารถทำลายคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดได้ด้วยการจัดเกมรับและเกมรุกที่เป็นระบบอย่างดี ความปรารถนาของพวกเขาที่จะทำซ้ำความสำเร็จในอดีตและจิตวิญญาณของทีมที่แข็งแกร่งทำให้พวกเขาเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อแรงบันดาลใจของผู้เข้าแข่งขัน แบงค็อก…

“ปืนใหญ่แดนใต้” ทีมเล็กหัวใจใหญ่

ลีกฟุตบอลไทยในบ้านเราตอนนี้เรียกได้ว่าอยู่ในจุดที่กำลังก้าวไกลพัฒนาไปได้จนน่ายินดี แต่ถ้าหากกวาดสายตาไปรอบ ๆ แล้ว ชื่อของทีมที่มาจากโซนภาคใต้นั้นแทบจะหาได้ยาก ปัจจัยหลายอย่างเป็นสิ่งสำคัญทั้งแนวทางการบริหารทีม, เงินบริหาร, ฐานแฟนบอล, สภาพแวดล้อมภายในจังหวัดสิ่งเหล่านี้ล้วนประกอบทำให้เกิดความยากลำบากในการทำทีม แต่ในแดนใต้นั้น ยังมีอีกหนึ่งทีมที่ถึงแม้จะยังไม่ก้าวขึ้นมาถึงลีกสุดสูงแต่แนวทางทุกอย่างในทีมนั้นเป็นมืออาชีพทั้งจากความพยายามและความรัก นามของทีมนั้นคือ “ปัตตานี เอฟซี” ปัตตานี เอฟซี ทีมดังแดนใต้ จากจังหวัดปัตนานี เจ้าของฉายา “ปืนใหญ่ ลังกาสุกะ” ทีมที่มีเอกลักษณ์ทั้งภาพลักษณ์ทีมไปจนถึงสโมสร สีของสโมสรนั้น คือ สี เขียวและเหลืองเป็นหลักนักเตะส่วนใหญ่เป็นนักเตะที่มีเชื้อสายชาวใต้อย่างแท้จริงไปจนถึงผู้บริหาร เพลงเชียร์หลักของพวกเขาแสดงความเป็นตัวตนออกมาได้อย่างดีจนสะกดให้ฝั่งตรงข้ามต่างต้องจองมองหยุดตั้งใจฟังด้วยภาษา “ยาลอ” หรือภาษามลายูชาวใต้นิยมใช้กัน ท่วงทำนองนั้นกลั่นออกมาจากความรักและความเป็นตัวตนได้อย่างถึงแก่น สนามเหย้าของพวกเขานั้นคือสนาม “เรนโบว์ สเตเดี้ยม” ซึ่งเป็นที่สะดุดตาแก่ทีมผู้มาเยือนด้วยหลากสีที่สลับกันอย่างมีสีสันบนสแตนเชียร์  เกมที่ทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักและโด่งดังอย่างมากเกิดขึ้นในปี 2016 ที่พวกเขาต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของ “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่จากฟุตบอลลีกสูงสุดในรายการฟุตบอลลีกคัพ ซึ่งผู้ชมในนัดนั้นเต็มความจุจนทะลักเพราะเป็นเกมสำคัญที่หาโอหาสได้ยากที่จะพบกับทีมชั้นนำของประเทศกูรูหลายรายต่างมองไปในทิศทางเดียวกัน คือ เมืองทองจะสามารถบุกมาเก็บชัยได้ไม่ยากและผ่านเข้าสู่รอบต่อไป แต่เมื่อมีปากกาเซียนวลีเด็ดอย่างการหักปากกาเซียนก็ต้องถูกนำมาใช้อีกครั้ง หลังภายใน 90 นาที พวกเขาสามารถออกนำได้ก่อนแต่…

“สุเชาว์ นุชนุ่ม” ยอดกัปตันของชาวเมืองกาญจน์

สิ้นฤดูกาล 2019 ของฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก กัปตัน “กบ” สุเชาว์ นุชนุ่ม ยอกมิดฟิลด์พลังไดนาโมได้ตัดสินใจลาถิ่นปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เจ้าตัวค้าแข้งมาร่วมเวลาถึง 10 ปี หลังหลีกทางให้บรรดารุ่นน้องได้แจ้งเกิดฝีเท้าผลัดเปลี่ยนยุคสมัยที่ขยับเขยื้อนไปตามเวลา โดยสถานีต่อไปที่เจ้าตัวได้ย้ายไปค้าแข้งคือทีมสโมสร “ค้างคาวมหากาญจน์”  เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด ทีมบ้านเกิดที่เจ้าตัวตั้งใจย้ายมาเพื่อยกระดับทีมและทำตามความตั้งใจที่จะเล่นเพื่อทีมบ้านเกิดสักครั้งในอาชีพการค้าแข้ง ผ่านประสบการณ์จนโชกโชน กับตันกบ สุเชาว์ นุชนุ่ม นั้นทุกคนคงจะไม่สงสัยในฝีเท้าของเจ้าตัวอย่างแน่นอนประสบการณ์ในเวทีลูกหนังของเขานั้นผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วอย่างมากมาย จากเด็กหนุ่มที่เกือบเคยเลือกเส้นทางอาชีพนักมวย สู่การเป็นนักเตะไทยลีกโดยเริ่มต้นค้าแข้งกับทีม ทีโอที อดีตทีมในตำนานของไทยลีกที่ปัจจุบันไม่มีอยู่แล้วโดยเจ้าตัวลงเล่นไป 84 เกม ยิงไป 13 ประตู ซึ่งเจ้าตัวเคยมีโอกาสย้ายไปค้าแข้งยังต่างแดนกับทีม เปอร์ซิบ บันดุง จากลีกอินโดนีเซีย 1 ฤดูกาล และได้รับการติดต่อจากทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่กำลังหามิดฟิลด์แดนกลางร่วมทีมซึ่งการตัดสินใจนี้คงจะไม่ยากสำหรับเจ้าตัว สุเชาว์ ได้ย้ายกลับมายังเวทีลูกหนังไทยอีกครั้งและสร้างตำนานกับปราสาทสายฟ้านับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา 10 ปี กับบุรีรัมย์ เจ้าตัวลงสนามไปทั้งสิ้น 156…

แข้งเทพกับภารกิจเซฟเก้าอี้ “มาโน่”

ฟุตบอลไทยลีกเป็นลีกที่ขึ้นชื่อว่ามีการเปลี่ยนโค้ชบ่อยอยู่เป็นประจำ เรียกได้ว่าเปลี่ยนบ่อยจนเหมือนการเลานเก้าอี้ดนตรี เพราะหากไม่ประสบความสำเร็จติดต่อกันผลงาน, ผลตอบแทน, รายได้จากรางวัลต่าง ๆ ที่สโมสรต้องสูญเสียไปก็ยิ่งทวีคูณขึ้น แฟนบอลอาจจะได้รับผลตอบแทนชื่นชมความสำเร็จได้อย่างทันใจแต่กับผู้ที่สวมหัวโขนอาชีพโค้ชแทบจะตรงกันข้าม  แต่ถ้าจะนึกถึงทีมในไทยลีกซักทีมในตอนนี้ที่มีโค้ชดำรงตำแหน่งอย่างยาวนานหลายปีต้องมีชื่อของ “มาโน่ โพลกิ้ง” กุนซือเลือดเยอรมันนี-บราซิล ของทีมทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด อยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน สาเหตุที่เขาได้ดำรงอยู่นั้นโดยที่ไม่ได้ถ้วยแชมป์มาประดับตู้สโมสรมาหลายปีแล้วย่อมมีคำตอบ เป็นเวลาเกือบ 5 ปี เข้าไปแล้วที่มาโน่นั่งเป็นกุนซือคอยสั่งการทีมแข้งเทพ ด้วยเม็ดเงินของประธานสโมสรอย่างคุณขจร เจียรวนนท์ เขาสามารถช็อปเลือกนักเตะเข้ามาร่วมทีมได้อย่างไม่มีปัญญา เช่น ฤดูกาลล่าสุดทีมก็ได้ “ฮาจิเมะ โฮโซไก” มิดฟิลด์ ชาวญี่ปุ่นเข้ามาเติมเต็มในแดนกลางหากเป้าหมายของทีมหรือสไตล์การทำทีมไม่มีจุดมุ่งหมายเชื่อเหลือเกินว่ากองกลางชาวอาทิตย์อุทัยคงไม่เก็บกระเป๋าย้ายจากบุรีรัมย์มาแน่นอน ประสบการณ์ของเขาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจากเวทีบุนเดสลีกา ย่อมช่วยมาโน่ให้มีตัวเลือกในการสร้างสไตล์ทีมได้มากยิ่งขึ้น แต่เหล่าบรรดาผู้เล่นทั้งดาวรุ่งฟอร์มแรงและสตาร์ของทีมหลาย ๆ คน คงจะต้องงัดฟอร์มของตัวเองออกมาให้ได้ที่สุด ทั้ง อานนท์ อมรเลิศศักดิ์, ทริสตอง โด, วันเดอร์ หลุยส์, ปกเกล้า อนันต์, สรรวัชญ์ เดชมิตร, มิก้า ชูนวลศรี หรืออีกหลายรายที่ไม่ได้กล่าวถึง…